หน่วยที่8
พัฒนาการทางการเมืองการปกครองสมัยอยุธยา
การเมืองการปกครอง
สถาบันพระมหากษัตริย์
การปกครองของไทยในสมัยอยุธยา
เปลี่ยนแปลงต่างไปจากสุโขทัยเพราะได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากเขมร (ขอม)
เข้ามามาก
โดยเฉพาะลัทธิเทวราช ซึ่งเขมรรับมาจากอินเดียอีกทอดหนึ่ง
ลัทธินี้องค์พระมหากษัตริยืทรงเป็นสมมุติเทพอยู่เหนือบุคคลสามัญ
ทรงมีพระราชอำนาจสูงสุด
ทรงไว้ซึ่งอาญาสิทธิ์เหนือผู้อื่นทั้งปวงในอาณาจักร คือ
นอกจากจะทรงเป็นเจ้าของแผ่นดินแล้ว ยังทรงเป็น เจ้าของชีวิตราษฎรอีกด้วย
พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา
จึงมีฐานะแตกต่างจากพระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยอย่างมาก เช่น
การเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ ต้องหมอบคลานแสดงความอ่อนน้อม
การพูดกับพระมหากษัตริย์ต้องใช้ราชาศัพท์
เมื่อเสด็จออกนอกพระราชวังราษฎรต้องหมอบกราบและก้มหน้า
มีกฎมณเฑียรบาลห้ามมองพระพักตร์ของพระมหากษัตริย์
เนื่องจากพระองค์เป็นสมมุติเทพและเพื่อการป้องกันการทำร้ายพระองค์
สิ่งเหล่านี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างองค์พระมหากษัตริย์กับประชาชนห่างเหิน
กัน ความใกล้ชิดแบบบิดาปกครองบุตรแบบสุโขทัยจึงน้อยลงทุกขณะ
นอกจากนี้ยังมีระเบียบแบบแผนเกี่ยวกับความปลอดภัยของพระมหากษัตริย์และราช
บัลลังก์อีก เช่น ให้ถือเขตพระบรมมหาราชวัง
เป็นเขตหวงห้ามสำหรับประชาชนสามัญ มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด
มีนายประตูดูแลตลอดเวลา มีมาตราป้อนกันมิให้เจ้าเมือง ลูกขุน ราชบุตร
ราชนัดดาติดต่อกัน ต้องการให้แต่ละบุคคลแยกกันอยู่
เป็นการแยกกันเพื่อปกครอง
มิให้มีการรวมกันได้ง่ายเพราะอาจคบคิดกันนำภัยมาสู่บ้านเมืองหรือราช
บัลลังก์ได้
การจัดการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้น พ.ศ. 1893 – 1991
การจัดการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้น
ตั้งแต่รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
ถึงรัชกาลพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา)
เป็นรูปแบบการปกครองที่ได้รับอิธิพลจากเขมรและสุโขทัยในลักษณะต่อไปนี้
1.การปกครองส่วนกลาง จัดการบริหารแบบจตุสดมภ์ หมายถึง
การที่พระมหากษัตริย์เป็นผู้ปกครองโดยตรง
ได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นกรมสำคัญ 4 กรม ปฏิบัติหน้าที่ดังนี้
กรมเวียง หรือ กรมเมือง มีขุนเวียงเป็นหัวหน้า
ทำหน้าที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของราษฎรทั่วราชอาณาจักร
กรมวัง มีขุนวังเป็นหัวหน้าดูแลรักษาพระราชวัง จัดงานพระราชพิธีต่างๆ
และพิจารณาพิพากษาคดี
กรมคลัง มีขุนคลังเป็นหัวหน้า
รับผิดชอบด้านการเงินและการต่างประเทศทั่วราชอาณาจักร
ด้านการเงินทำหน้าที่เก็บภาษีอากรใช้จ่ายพระราชทรัพย์
จัดแต่งสำเภาหลวงออกค้าขาย
ในด้านต่างประเทศทำสัญญาการค้าและติดต่อทางการทูตกับต่างประเทศ
กรมนา มีขุนนาเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่ดูแลเรือกสวนไร่นาทั่วราชอาณาจักร
และจัดเตรียมเสบียงอาหารให้เพียงพอในยามบ้านเมืองมีศึกสงคราม
2. การปกครองส่วนภูมิภาค การ จัดการปกครองส่วนภูมิภาค
จัดตามแบบอาณาจักรสุโขทัย เพราะเมืองต่างๆ
ส่วนใหญ่เคยอยู่ใต้อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยมาก่อน
มีการแบ่งเมืองเป็นระดับชั้น มีกรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลาง เมืองต่างๆ
จัดแบ่งออกดังนี้
เมืองหน้าด่าน หรือ เมืองป้อมปราการ
เป็นเมืองที่มีความสำคัญในการป้องกันราชธานี
ระยะทางไปมาระหว่างเมองหน้าด่าน กับราชธานีใช้เวลาเดินทางภายใน 2 วัน
มักเป็นเมืองใหญ่หรือเมืองที่มีความสำคัญทางยุทธศสตร์
พระมหากษัตริย์จะแต่งตั้งพระราชโอรสหรือเจ้านายชั้นสูงไปปกครอง
บางที่จึงเรียกว่า เมืองลูกหลวง
หัวเมืองชั้นใน คือ เมืองที่อยู่ถัดจากเมืองหน้าด่านออกไป
พระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งเจ้านายหรือขุนนางไปปกครองขึ้นตรงต่อเมืองหลวง
หัวเมืองชั้นนอก หรือ เมืองพระยามหานคร เป็นเมืองขนาดใหญ่
ที่มีประชาชนคนไทยอาศัย อยู่ห่างจากราชธานีต้องใช้เวลาหลายวันในการติดต่อ
มีเจ้าเมืองปกครอง อาจเป็นผู้สืบเชื้อสายจากเจ้าเมืองเดิม
หรือเป็นผู้ที่ทางเมืองหลวงต่างตั้งไปปกครอง
เมืองประเทศราช เป็นเมืองที่อยู่ชายแดนของอาณาจักร
ชาวเมืองเป็นคนต่างชาติต่างภาษา
มีเจ้าเมืองเป็นคนท้องถิ่นจัดการปกครองภายในของตนเอง
แต้องส่งเครื่องบรรณาการมาถวายตามกำหนด ได้แก่ ยะโฮร์ เขมร
และเชียงใหม่ (ล้านนา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น